คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี เจ๋ง “ASIC,UK” มอบรางวัลคุณภาพด้านการศึกษาครบทั้ง 9 หลักสูตร
รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด ธิกรบดี มทร.ธัญรี เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทางคณะผู้ตรวจประเมินจากต่างประเทศ ได้เข้าตรวจประเมิน คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี เกี่ยวกับมาตรฐานหลักสูตร การตรวจสอบความพร้อมด้านการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือ อุปกรณ์ ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย การสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ตลอดจนทิศทางและการดำเนินนโยบายของคณะ โดยใช้การประเมินตามมาตรฐานของ ASIC,UK ทั้งนี้เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ผลการประเมินคณะบริหารธุรกิจในครั้งนี้ได้รับผลประเมินอยู่ในระดับดีเยี่ยม (Exceptional) ทั้ง 9 หลักสูตร ซึ่งนับเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้มีการตรวจรับรองจากทาง ASIC,UK
ด้าน รศ.ดร.กล้าหาญ ณ น่าน คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า สำหรับ 9 หลักสูตรที่ผ่านการรับรองนี้ ประกอบด้วย 1. B.B.A. (Marketing) 2.B.B.A. (Management) 3.B.B.A. (Business Computer) 4.B.B.A. (Finance) 5.B.B.A. (International Business Adm inistration) 6.B.B.A. (Logistic and Supply Chain Management) 7.B.ACC. 8.B.Econ. และ 9.B.B.A. (International Program) ขณะเดี่ยวกันยังได้ 2 รางวัลพิเศษ คือ รางวัล Entrepreneurship and Innovation และรางวัล Research and Development Capacity Building ร่วมด้วย
ผศ.ดร.สลิตตา สาริบุตร รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า นอกจากการรับรองจาก ASIC แล้ว ก่อนหน้านี้ คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ยังได้ผ่านการตรวจรับการรับรอง ตามมาตรฐาน AUN-OA ในหลักสูตรต่าง ๆ ของคณะร่วมด้วย ซึ่งรางวัลทั้งหมดนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานการจัดการศึกษาของคณะในระดับสากล เป็นก้าวแรกของคณะที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ และแสดงให้เห็นถึงคุณภาพการศึกษาที่ผ่านมาตรฐานอังกฤษ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักศึกษาทั้งในและต่างประเทศ โดยขณะนี้มีนักเรียนไทยแสดงความจำนงที่จะเข้าศึกษาต่อหลักสูตรนานาชาติแล้วประมาณ 30 คน รวมถึงในต่างประเทศคณะฯได้มีการลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในประเทศจีน จัดทำหลักสูตรให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรของจีนเข้ามาศึกษาต่อที่คณะเป็นเวลา 2 ปี เมื่อจบจะได้รับวุฒิปริญญาตรี โดยในปีการศึกษา 2567 จะมีนักศึกษา จำนวน 50 คน เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติและสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ นอกจากนี้คณะฯ ยังมีแผนที่จะเจาะตลาดการศึกษาของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอีกด้วย