คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ จัดโครงการปลอดปรสิต ครั้งที่ 8 ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านปากเกร็ด
เด็กที่ติดเชื้อปรสิตหรือโรคปรสิตหนอนพยาธิ สามารถพบได้บ่อยในชุมชน ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเด็ก สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีอุบัติการณ์การตรวจพบเด็กป่วยเป็นโรคนี้จำนวนไม่น้อย จากสถิติเด็กที่พักอาศัยในสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ดจำนวน 175 คน พบเด็กที่ติดเชื้อพยาธิถึงร้อยละ 43.9 ประกอบกับสถานสงเคราะห์ต้องรับเด็กรายใหม่ทุกปี ส่งผลให้จำนวนเด็กที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องได้รับการดูแลและตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว
คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ ได้จัดโครงการปลอดปรสิตในสถานสงเคราะห์เด็กมาเป็นปีที่ 8 แล้ว โดยภาควิชาจุลทรรศน์ศาสตร์คลินิก คณะสหเวชศาสตร์ ซึ่งรับผิดชอบหลักสูตร วท.บ. เทคนิคการแพทย์ ได้นำนิสิตเทคนิคการแพทย์ลงพื้นที่ปฎิบัติงานจริง เพื่อนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งตัวนิสิตและสังคม ในปีนี้คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับมูลนิธิสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ด ได้ดำเนินโครงการ “ปลอดปรสิต ครั้งที่ 8 ในสถานสงเคราะห์เด็ก” ระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน 2565 ณ สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณาจารย์และนิสิตให้บริการตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อปรสิตแก่เด็กและเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์เด็กโดยการตรวจวิเคราะห์ทางปรสิตวิทยาคลินิก
รศ.ดร.ดวงดาว ปาละสุวรรณ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ ผู้รับผิดชอบปลอดปรสิต ครั้งที่ 8 ณ สถานสงเคราะห์เด็กบ้านปากเกร็ด จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า โรคติดเชื้อปรสิต เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก จากข้อมูลการศึกษาเด็กที่อยู่ในสถานสงเคราะห์พบว่ามีโรคทางกายเรื้อรังร้อยละ 30 และมีโรคตั้งแต่ 3 โรคขึ้นไป โรคติดเชื้อปรสิตถือเป็นหนึ่งโรคที่พบได้บ่อย ส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านพัฒนาการของเด็ก ร้อยละ 20-60 ของเด็กในสถานสงเคราะห์มีพัฒนาการผิดปกติหรือล่าช้า ส่งผลต่อปัญหาทางกาย เช่น เกิดภาวะย่อยและดูดซึมอาหารผิดปกติ ท้องเสีย สูญเสียเลือด ความสามารถในการทำงานบกพร่อง และมีปัญหาทางโภชนาการ
รศ.ดร.ดวงดาว ให้ข้อมูลว่า การติดเชื้อปรสิตมีโอกาสแพร่กระจายได้ง่ายหากไม่ได้รับการดูแลหรือคำแนะนำในการปฏิบัติตัวให้ถูกสุขลักษณะ จากการศึกษาวิจัยของโครงการปลอดปรสิต คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ พบว่าเด็กที่อยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กมีอุบัติการณ์การติดเชื้อปรสิตสูง ซึ่งมีส่วนขัดขวางพัฒนาการของเด็ก อาจทำให้เด็กนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร และน้ำหนักตัวลด ดังนั้นการตรวจพบปรสิตจะช่วยให้ผู้ดูแลเด็กสามารถปฏิบัติตัว แนะนำและหาทางรักษา รวมถึงป้องกันการติดต่อได้ทันท่วงที
“การดูแลสุขภาพเด็กในสถานสงเคราะห์จึงควรมีการคัดกรองทั้งในด้านสุขภาพ โภชนาการ และพัฒนาการ ซึ่งต้องอาศัยการตรวจร่างกาย รวมทั้งการประเมินพฤติกรรมและสภาวะแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วย ทั้งนี้ต้องมีการบริหารจัดการและการประสานความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบในการดูแลเด็กสถานสงเคราะห์ เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีพัฒนาการที่ดี สามารถปรับตัวเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้”
ผู้สนใจให้การสนับสนุนโครงการปลอดปรสิตในสถานสงเคราะห์เด็ก สามารถติดต่อได้ที่ รศ.ดร.ดวงดาว ปาละสุวรรณ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ โทร. 09-2926-6359 หรือ รศ.ดร.อรรถกร ปาละสุวรรณ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ โทร. 08-2797-9995
ที่มา: ศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย