ครูนิวซีแลนด์ผู้เชี่ยวชาญแนะเทคนิคสอนภาษาอังกฤษ Online อย่างไรให้ได้ผล
ช่วงนี้น้องๆนักเรียนต้องเรียนออนไลน์กันทั้งวันยาวๆกันไปอีกระยะ เพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่อย่างรวดเร็วมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเรียนการสอนสามารถทำได้เฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์เท่านั้น อาจทำให้หลายคนเบื่อไม่อยากเรียนทีจะต้องนั่งเรียนอยู่กับหน้าจอทั้งวัน ในช่วงแรกๆ อาจต้องมีการปรับตัวกันอยู่บ้าง เพื่อให้การเรียนการสอนออนไลน์ประสบความสำเร็จและไม่น่าเบื่อ ส่งผลให้การเรียนได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดี
อาจารย์เอริน่า ฮันท์ (Ms. Erina Hunt) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบผสมผสานผ่านระบบออนไลน์ (Online Blended English Language Programmes Coordinator) จากมหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ให้คำแนะนำว่า การสอนออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป หากครูสอนภาษาอังกฤษได้มีโอกาสเปิดสอนชั้นเรียนออนไลน์ การควบคุมระยะเวลาในการสอนชั้นเรียนออนไลน์ควรไม่เกิน 50 นาที เพราะช่วงระยะเวลาเท่านี้ ผู้เรียนยังมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนภาษาอยู่ และต้องมีมาตรการที่ชัดเจน เช่น ปิดเสียงไมโครโฟนเสมอตลอดการเรียนการสอน ยกเว้นต้องการจะพูด เปิดวิดีโอ นั่ง และแต่งตัวเหมือนอยู่ในห้องเรียน (ไม่ได้อยู่บนเตียง) เปิดหน้าจอให้เห็นหน้าของผู้พูด ฯลฯ สำหรับตัวครูผู้สอนควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พูดคุย และมีโอกาสที่ได้ถาม-ตอบอย่างเท่าเทียมกันทุกคน หากครูท่านใดใช้แอปพลิเคชั่น “Zoom” ฟังก์ชั่น “การสำรวจ (Poll)” มีประโยชน์มาก ในการครูจะสามารถประเมินว่านักเรียนสามารถจัดการกับเนื้อหา ได้อย่างไรหรือรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่จากกลุ่มผู้เรียนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การเปลี่ยนวิธีการนำเสนอบทเรียนบนชั้นเรียนออนไลน์ด้วยการใช้คลิปวิดีโอแทน หรือการทำงานกลุ่ม ทำแบบทดสอบร่วมกันทั้งชั้นเรียนจะช่วยให้ชั้นเรียนมีการเคลื่อนไหว ไม่นั่งนิ่งน่าเบื่อ
อย่างไรก็ตาม อ.ฮันท์ ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า จากการเก็บข้อมูล ค้นคว้า และศึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบผสมผสาน เธอพบว่า ระยะเวลาเหมาะสมในการเรียนภาษาอังกฤษ โดยผู้เรียนมีความกระตือรือร้นเสมอในการเรียนรู้และไม่ลืมบทเรียนเก่า คือ การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง โดยมีอาจารย์หนึ่งท่านให้ความคิดเห็นแนะนำข้อควรปรับปรุงทักษะภาษาอังกฤษด้านต่าง ๆ สัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง ควบคู่ไปกับการเรียนออนไลน์แบบเห็นหน้าผู้สอนและผู้เรียน (ไม่นับเวลาที่คุยกันนอกชั้นเรียนออนไลน์) สัปดาห์ละ 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำเช่นนี้นานมากกว่า 16 สัปดาห์ พบว่า ผู้เรียนภาษาอังกฤษมีพัฒนาการทางด้านภาษาในทุกทักษะ ตลอดจนระดับความมั่นใจในการใช้ภาษาที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความเร็วในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของแต่ละคน ที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงจูงใจที่ทำให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ภาษานั้นๆ ความมีวินัยต่อตนเองของนักเรียน และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วย
นอกจากนี้ อ.ฮันท์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยทำงานและอยากเก่งภาษาอังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะอายุเป็นเพียงตัวเลข ตัวเลขที่มากขึ้น ไม่ได้ส่งผลต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแต่อย่างใด แต่ที่ทุกคนรู้สึกว่า คนที่อายุน้อยยังเด็กหรือวัยหนุ่มสาว สามารถเรียนรู้ได้ดีกว่า นั่นก็เพราะว่า พวกเขามีแรงจูงใจมากกว่า ขณะที่ผู้เรียนภาษาที่โตแล้วจะเข้าใจกระบวนการการเรียนรู้และมีทักษะการจัดการเวลาที่มากกว่า และด้วยประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่า ก็ทำให้ผู้เรียนที่โตกว่า มีความมั่นใจในการพูด กล้าคิด กล้าถาม หากผู้เรียนทั้งสองวัยได้มาเรียนด้วยกัน จะสามารถแบ่งปันข้อดีของกันและกันได้
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง และได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศผู้นำด้านนวัตกรรมการศึกษาและเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับการเรียนรู้ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในการเสริมสร้างนักเรียนสู่ทักษะในอนาคต โดยได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 จากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในด้านการจัดการศึกษาได้ดีที่สุดในการเตรียมความพร้อมนักเรียนสู่อนาคต จากการจัดอันดับของ Worldwide Educating for the Future Index 2019 โดย The Economist Intelligence Unit
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษานิวซีแลนด์ดูได้ที่ www.studyinnewzealand.govt.nz
ที่มา: คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์