กทม. พัฒนาการจัดการเรียนการสอน ส่งเสริมศักยภาพและทักษะความเป็นเลิศด้านภาษาไทย
นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงแนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนสังกัด กทม. เพื่อเสริมศักยภาพของเด็กนักเรียนให้สามารถอ่านออกเขียนได้ทุกระดับชั้นว่า กทม. ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนโดยมีนโยบายพัฒนาทักษะสู่ความเป็นเลิศด้านภาษาไทยในโรงเรียนสังกัด กทม. ซึ่งวิชาภาษาไทยเป็นกลุ่มสาระที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาให้นักเรียนมีความสามารถ มีทักษะในการฟัง พูด อ่าน เขียน ตรงตามวัย การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนสังกัด กทม. ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การอ่านออกเขียนได้ แต่มุ่งหวังผลสัมฤทธิ์ของทักษะความเข้าใจภาษา จนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งบูรณาการกลุ่มสาระวิชาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงกัน และจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การเรียนรู้ผ่านรูปแบบเกม การสร้างชิ้นงาน เป็นต้น เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กนักเรียน
สำหรับการวัดผลการเรียนรู้ กทม. ได้ดำเนินการให้นักเรียนในสังกัดเข้าร่วมทดสอบทักษะการอ่าน (Reading Test : RT) ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (ป.1) ในทุกปีการศึกษา ซึ่งเป็นการทดสอบระดับชาติ โดยทดสอบทักษะทั้งด้านทักษะการอ่านออกเสียงและการอ่านรู้เรื่อง ในปีการศึกษา 2566 มีผลระดับสังกัด กทม. มีคะแนนเฉลี่ย 2 ด้าน = 83.37 (ระดับคุณภาพดีมาก) และระดับประเทศมีคะแนนเฉลี่ย 2 ด้าน = 79.00 นอกจากนี้ ได้ดำเนินการทดสอบการอ่านของนักเรียนในสังกัด กทม. ในระดับชั้น ป. 2 เพื่อตรวจสอบคุณภาพการอ่านของเด็กนักเรียน พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการอ่านของนักเรียน ซึ่งผลการทดสอบในปีการศึกษา 2566 อยู่ในระดับปรับปรุง ร้อยละ 20.96 รวมทั้งดำเนินการจัดให้นักเรียนระดับชั้น ป.3 ในสังกัด เข้าร่วมทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (National Test : NT) ในทุกปีการศึกษา โดยทดสอบด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษาไทย ในปีการศึกษา 2566 มีผลการทดสอบระดับสังกัด กทม. ด้านภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 68.55 (ระดับคุณภาพดี) และระดับประเทศมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 62.58 ขณะเดียวกันได้ดำเนินการทดสอบการอ่านของนักเรียนชั้น ป.1-ป.6 โรงเรียนในสังกัด กทม. ทั้ง 431 แห่ง โดยตั้งคณะกรรมการทดสอบการอ่านภายในโรงเรียนและรายงานผลมายัง สนศ. ผ่านระบบ BEMIS ทุกเดือน
นอกจากนี้ กทม. ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเด็กอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ผ่านแนวทางในด้านต่าง ๆ อาทิ ประสานความร่วมมือผู้ปกครอง การแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพ การเพิ่มจำนวนครูและการใช้เทคโนโลยีช่วยในการศึกษา พร้อมทั้งจัดให้มีการสอนเสริมในช่วงเช้าก่อนเข้าแถว ช่วงพักกลางวัน และช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกอ่าน ซึ่งอาจมีเพื่อน หรือเด็กนักเรียนรุ่นพี่มาช่วยครูสอน รวมทั้งได้สนับสนุนสื่อส่งเสริมการอ่านสำหรับครูและนักเรียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอ่านและเขียนของนักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม. อย่างต่อเนื่อง