ส่อง “ความท้าทายระบบการศึกษาไทย” ในยุคที่เด็กเกิดน้อย
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรกำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบการศึกษาไทย เมื่อจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานการณ์นี้กำลังบีบให้ภาครัฐและสถาบันการศึกษาต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งในแง่การบริหารจัดการทรัพยากร การพัฒนาหลักสูตร และการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยที่กำลังจะมาถึง
จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยคณะนักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์และผู้เชี่ยวชาญด้านประชากรศาสตร์ พบว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการลดลงของประชากรอย่างรุนแรง โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2083 จำนวนประชากรจะลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน จาก 66 ล้านคนเหลือเพียง 33 ล้านคน ขณะที่ประชากรวัยแรงงานจะลดลงจาก 46 ล้านคนเหลือเพียง 14 ล้านคน
สถานการณ์นี้ส่งผลโดยตรงต่อระบบการศึกษา โดยเฉพาะปัญหาห้องเรียนและครูที่จะมีจำนวนเกินความต้องการเนื่องจากจำนวนนักเรียนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังพบความไม่สมดุลในการเลือกสายการเรียน โดยนักเรียนยังคงนิยมเลือกเรียนสายสามัญมากกว่าสายอาชีวะ และในระดับอุดมศึกษา ผู้เรียนส่วนใหญ่ยังคงเลือกศึกษาต่อในสายสังคมศาสตร์มากกว่าสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการขาดแคลนครูในสาขา STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์)
การแก้ปัญหาในระยะยาวจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับระบบการศึกษา โดยเฉพาะการพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการศึกษา และการส่งเสริมการเรียนการสอนในสาขา STEM เพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต ขณะเดียวกัน ระบบการศึกษาจะต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งจะกลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของสังคมไทยในอนาคต