สร้างอนาคตชาติด้วย “FIRST(R) Tech Challenge” เวทีประลองหุ่นยนต์เยาวชนชิงตำแหน่งทีมชาติไทย
กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านวัสดุศาสตร์ (Materials Science) ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก ร่วมกับโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และพันธมิตร จัดการประกวดหุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทยเวที FIRST(R) Tech Challenge Thailand ระดับเยาวชนอายุ 12-18 ปี ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษา และสิทธิในการเป็นตัวแทนทีมชาติไทย ไปแข่งขันต่อระดับนานาชาติที่สหรัฐอเมริกา โดยมุ่งหวังสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ STEM Education พัฒนาผู้เรียนด้านทักษะกระบวนการคิด การแก้ปัญหา การออกแบบ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพิชิตภารกิจ โดยปี 2024 จะจัดเป็นครั้งที่ 6 ในประเทศไทย และเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันในช่วงเดือนกันยายนนี้
ผู้เข้าแข่งขันจะต้องประกอบหุ่นยนต์เพื่อพิชิตภารกิจอันท้าทายตามโจทย์ นอกจากความสามารถในการประกอบหุ่นละเขียนโปรแกรมแล้ว ยังได้ฝึกการระดมสมอง การวางแผน การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งทีมเยาวชนที่เข้าร่วม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า FIRST(R) Tech Challenge Thailand คือเวทีแห่งอนาคต ที่ทำให้ได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ จากเพื่อนในทีมและต่างทีม โดยพร้อมจะพัฒนาหุ่นยนต์ของตนเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อกลับมาประลองในเวทีนี้อีกครั้ง และอยากให้ปีต่อ ๆ ไป มีทีมจากทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางภรณี กองอมรภิญโญ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทย มีการนำ Robotic มากใช้กันมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะด้าน Automotive อุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี Robotic ก็ถูกนำเข้ามาอยู่ในกระบวนการด้วย โดยเฉพาะด้านการดูแล บำรุงรักษาในกระบวนการผลิต ช่วยให้การทำงานของมนุษย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ป้องกันและลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในโรงงาน เชื่อมั่นว่าการศึกษาด้าน Robotic ของเยาวชนไทย จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน ให้ไทยมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองและก้าวพ้นผ่านเศรษฐกิจในประเทศรายได้ปานกลาง (Middle Income Countries) ไปใด้”
ดร.เกรียง ฐิติจำเริญพร ผู้อำนวยการโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย กล่าวว่า “จากพื้นฐานของ STEM Education Robotic และ AI (Artificial intelligence) ที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันในเวทีนี้ ได้ Building และ Coding นับเป็นจุดเริ่มต้น ของพื้นฐานที่สำคัญ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านหุ่นยนต์ที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้ โดยพร้อมจะส่งเสริมและกระตุ้นให้เยาวชนจากทั่วประเทศ ได้เข้ามาร่วมการแข่งขันเวทีนี้เพิ่มขึ้น คาดหวังให้เกิดเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจ ประสบการณ์ และเพิ่มทักษะ จากการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนเยาวชนต่างทีม ต่างสถาบัน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในพลังสำคัญของการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ต่อจากนี้ ขณะเดียวกันจะช่วยยกระดับฯ ให้ก้าวไปสู่มาตรฐานสากลต่อไป และขอขอบคุณ Dowผู้สนับสนุนหลัก ที่ช่วยยกระดับให้การแข่งขันรายการนี้ ใหญ่ขึ้นและดีขึ้นทุก ๆ ปี เช่นเดียวกับผู้สนับสนุบทุกท่าน ทุกบริษัท ที่เห็นความสำคัญและมองว่าเป็นโอกาสของเยาวชนไทย”
โดยปีนี้การแข่งขันหุ่นยนต์ FIRST(R) Tech Challenge Thailand ครั้งที่ 6 ได้เปิดรับสมัครทีมเข้าแข่งขันแล้วตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน – 25 ตุลาคม 2567 ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และเฟซบุ๊กของ FIRST(R) Tech Challenge Thailand ที่ http://www.ftcthailand.org/ และ https://www.facebook.com/FIRSTTechChallengeTHAILAND/
เยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันหุ่นยนต์นี้ จะมีโอกาสได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน FIRST(R) Tech Challenge ในระดับนานาชาติ รวมทั้งได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในเรื่องการพัฒนาหุ่นยนต์ จากเพื่อนเยาวชนทีมต่าง ๆ และผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เกิดเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่สำหรับอนาคต ช่วยเหลือเกี่ยวกับการออกแบบเขียนโปรแกรม นำความรู้เกี่ยวกับ STEM ศึกษามาใช้อย่างเป็นระบบในการสร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะนำความรู้ประสบการณ์และแรงบันดาลใจที่ได้รับไปพัฒนาเพิ่มทักษะ ความรู้ต่อยอดโครงการวิจัย พัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบทางการศึกษาและเชิงพาณิชย์ ทั้งภาคอุตสาหกรรมและบริการ
เป็นระยะเวลากว่า 5 ปี แล้วที่การแข่งขัน FIRST(R) Tech Challenge เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งตั้งแต่ปี 2562 – 2566 มีกาจัดการแข่งขัน FIRST(R) Tech Challenge ไปแล้ว 5 ครั้ง โดยมีนักเรียนเข้าร่วมประลองสนามแข่งขันหุ่นยนต์กว่า 1,000 คน รวมกว่า 84 ทีม จาก 47 โรงเรียน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน กำแพงเพชร กรุงเทพ นนทบุรี ชลบุรี ขอนแก่น สระบุรี ฉะเชิงเทรา สงขลา และสุราษฏร์ธานี