มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น จับมือ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการผลิตแพทย์
มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการผลิตแพทย์ โดยโรงพยาบาลปทุมธานี และโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จะทำหน้าที่เป็นโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสมทบให้กับมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
พิธีลงนามครั้งนี้มีผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่ รศ.ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.นิสิต ศรีสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุพเสนา จ.กาญจนบุรี, นพ.วีรพล กิตติพิบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี และ ศ.(วุฒิคุณ) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องทั้งงสองฝ่ายได้เข้าร่วมพิธีลงนามครั้งนี้ เพื่อยืนยันความร่วมมือที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านการศึกษาและการฝึกอบรมทางการแพทย์ในประเทศ โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าว ” ขอบคุณทางมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ที่มีนโยบายตรงกับนโยบายของประเทศ อย่างที่ทราบกันดีว่าบุคลากรทางการแพทย์ของประเทศไทยขาดแคลนอยู่มาก ทำให้บุคลากรทำงานหลัก ฉะนั้นก็ถือเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ในหลายส่วน และทางมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ก็กรุณาร่วมกับกระทรวงสาธารณะสุขในการจะช่วยผลิตแพทย์เพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรได้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของระบบสาธารสุขประเทศไทย”
รศ.ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น กล่าวเพิ่มเติมว่า “การทำ MOU ครั้งนี้เป็นเรื่องน่ายินดีและนับเป็นโครงการระยะยาว เนื่องจากแพทย์หนึ่งคนใช้เวลาศึกษาอย่างน้อยก็หกปี และยังต่อด้านเฉพาะทางอีกด้วย หลังจากการร่วมมือกันในครั้งนี้ ก็น่าจะมีการรับนิสิตคณะแพทยศาสตร์เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมระบบสาธารณสุข ของประเทศไทยให้พัฒนาและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ และบุคลากรด้านสาธารณสุข อย่างที่ท่านปลัดแจ้งไปแล้วเพื่อให้บริการผู้ป่วยอย่างทั่วถึงต่อไปครับ” จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป้าหมายสำคัญในการร่วมมือกันในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อประชาชนและประเทศไทย เป็นการแก้ไขปัญหา ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตทางด้านสาธารณสุขพัฒนาไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป้าหมายสำคัญในการร่วมมือกันในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อประชาชนและประเทศไทย เป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ ทำให้คุณภาพชีวิตทางด้านสาธารณสุขพัฒนาไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน