อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ค้นพบแนวคันดินบ่งชี้ “พื้นที่อยู่อาศัยกลุ่มคนโบราณ” จังหวัดบุรีรัมย์
อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ สำรวจพบแนวคันดินบ่งชี้ชุมชนโบราณในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหลักฐานช่วยยืนยันว่าเมื่อประมาณ 700-1,000 ปีก่อน มีกลุ่มคนราว 300-500 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ในรูปแบบกลุ่มชุมชน เพื่อประกอบกิจกรรมหรืออุตสาหกรรมถลุงเหล็กโบราณ ที่ถูกค้นพบมาก่อนหน้านี้
จุดเริ่มต้นการค้นพบ
ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ค้นพบแนวคันดินใน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการมีอยู่ของชุมชนโบราณเมื่อ 700-1,000 ปีก่อน คาดว่ามีคนประมาณ 300-500 คนอาศัยอยู่ การค้นพบนี้เกิดจากการสำรวจภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหารในปี 2519 ซึ่งแปลความโดย ศ.ดร.สันติ โดยพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบน้ำท่วมถึง ปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่ทำนาและทำไร่สวนยางพารา แต่พบแนวคันดินที่มีลักษณะกว้างและสูงกว่าคันนาปกติทั่วไปในพื้นที่บ้านเขาดินใต้ ต.บ้านกรวด โดยแนวคันดินนี้กว้าง 3 เมตร สูง 0.5-1 เมตร จากการสอบถามชาวบ้านพบว่า แต่เดิมคันดินสูงกว่า 2 เมตร และเต็มไปด้วยจอมปลวกและต้นไม้รกทึบ ต่อมาชาวบ้านได้ปรับพื้นที่ให้สะอาดและต่ำลงเพื่อใช้เป็นถนนในการทำการเกษตร
ขอบเขตพื้นที่
จากการลงสำรวจและรังวัดแนวคันดิน พบว่าแนวคันดินดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประกอบด้วยคันดินด้านทิศตะวันตกและทิศตะวันออกยาว 200 เมตร และคันดินด้านทิศใต้ยาว 330 เมตร ส่วนทิศเหนือกำหนดเขตจากธารน้ำธรรมชาติห้วยเสว คำนวณพื้นที่ครอบคลุมได้ 66,000 ตารางเมตร หรือ 41 ไร่ แนวคันดินนี้มีขนาดเล็กกว่าเมืองโบราณทรงสี่เหลี่ยมอื่นๆ เช่น เมืองนครราชสีมาและเมืองเชียงใหม่ 20-40 เท่า จึงนิยามว่าเป็นระดับชุมชนโบราณมากกว่าเมืองขนาดใหญ่ โดยคาดการณ์จำนวนประชากรที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ประมาณ 300-500 คน
จากการสำรวจและเก็บหลักฐานทางโบราณคดีในพื้นที่ภายในแนวคันดิน พบเศษภาชนะดินเผาจำนวนมาก กระจายตัวอยู่ทั่วพื้นที่ 41 ไร่ โดยเศษภาชนะทั้งหมดบ่งชี้ว่าเป็นแหล่งผลิตจากกลุ่มอุตสาหกรรมเตาเครื่องปั้นดินเผาโบราณ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 5-10 กิโลเมตร มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-19 (ประมาณ 700-1,000 ปี) นอกจากนี้ยังพบเศษอิฐจำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งบ่งชี้ว่าภายในแนวคันดินเดิมน่าจะมีอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทำด้วยอิฐ
จากการขยายพื้นที่สำรวจโดยรอบแนวคันดิน พบว่าห่างออกไปประมาณ 1.3 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตก เป็นที่ตั้งของปราสาทหนองตะโก และทางทิศตะวันออกห่างออกไปประมาณ 1.4 กิโลเมตร พบเนินขนาดใหญ่ที่เกิดจากการทับถมของเศษตะกรันหรือขี้แร่ที่เหลือจากการถลุงเหล็ก โดย อิสราวรรณ อยู่ป้อม กำหนดอายุกิจกรรมถลุงเหล็กดังกล่าวว่าเคยดำเนินอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 (ประมาณ 800 ปี) ศ.ดร.สันติ เชื่อว่าแนวคันดินหรือชุมชนโบราณที่พบมีความสัมพันธ์กับแหล่งอุตสาหกรรมถลุงเหล็กโบราณทั้งในด้านพื้นที่และเวลา
จึงกล่าวได้ว่า แนวคันดินล้อมรอบพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 41 ไร่ ใน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ คือที่อยู่อาศัยของชุมชนโบราณเมื่อ 700-1,000 ปีก่อน และอาจเป็นกลุ่มคนที่ประกอบกิจกรรมการถลุงเหล็กในอดีต