แสนสิริ จุดประกายนวัตกรรมการศึกษา สานต่อ “ราชบุรีโมเดล” ปีที่ 2 ขับเคลื่อน “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” สนับสนุนเงินทุน 100 ลบ.
- ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริ ด้านการให้ความสำคัญกับเด็กอย่างยั่งยืนกว่า 10 ปี และส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม สู่การแก้ปัญหาอย่างแท้จริงในระดับประเทศ
- ประสานความร่วมมือ รัฐ-เอกชน ทำแผน 3 ปี ขับเคลื่อนราชบุรีโมเดล ตั้งเป้าให้เด็กหลุดจากการศึกษาเป็นศูนย์ในปีหน้า (2567)
- ครั้งแรกในเอเชีย ที่ทุนดำเนินงาน 100 ล้านบาท มาจากการระดมทุนจากหุ้นกู้ที่ผู้ร่วมลงทุนได้รับผลตอบแทน และมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมไปพร้อมกัน
- เผยความคืบหน้าล่าสุด ลดจำนวนเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาราว 1 หมื่นคนจาก 10 อำเภอ ผลักดันโมเดล 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ และศูนย์การเรียนรู้ สร้างโอกาส
นายสมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตามที่แสนสิริได้ดำเนินโครงการ ZERO DROPOUT เด็กทุกคนต้องได้เรียน ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 3 ปี (เริ่มตั้งแต่ปี 2565 – 2567) นำร่องแห่งแรกที่จังหวัดราชบุรี ให้เป็นโมเดลต้นแบบในการสร้างกลไกการเปลี่ยนแปลงการศึกษาระดับประเทศ ช่วยเด็กหลุดจากการศึกษาเป็น ‘ศูนย์’ ในปี 2567 ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และสมัชชาการศึกษาราชบุรี ร่วมด้วยแสนสิริที่สนับสนุนเงินทุนในโครงการจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินงานเข้าสู่ปีที่ 2 โดยได้เห็นความคืบหน้าและความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้ อย่างเช่นการสร้างโมเดลการศึกษา 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ เพื่อเป็นตัวเลือกทางการศึกษาแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบ ตลอดจนการเปิดพื้นที่นวัตกรรมการเรียนรู้ตอบโจทย์ชีวิต และการมอบทุนสนับสนุนเยาวชนการศึกษาทางเลือกให้กับน้องเยาวชนและเด็กชาติพันธุ์ในพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจุดประกายให้ทุกคนมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในการช่วยลงมือและสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างยั่งยืน การสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางการศึกษาให้เยาวชนในพื้นที่ และขับเคลื่อนราชบุรีโมเดล ให้เป็นจังหวัดต้นแบบนวัตกรรมการศึกษาของประเทศ ผ่านความร่วมมือจากภาครัฐ และเอกชน ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาให้เยาวชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสมอภาคและยั่งยืน
ความคืบหน้าพันธกิจโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ สามารถลดจำนวนเด็กเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษา รวมไปถึงเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาไปแล้วให้สามารถได้รับการศึกษาและพัฒนาให้มีทักษะการทำงานในโลกยุคใหม่ ได้แล้วจำนวน 9,311 คน จากทั้งหมด 10 อำเภอ และล่าสุดคือโมเดลการศึกษา 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ซึ่งปัจจุบันเริ่มต้นแล้วใน 12 โรงเรียน ทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา และมีแผนสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อขยายไปทุกเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดราชบุรี พื้นที่การเรียนรู้รูปแบบใหม่นี้ เอื้อให้โรงเรียนจัดการศึกษา ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. การศึกษาในระบบ ซึ่งเป็นหลักสูตรทั่วไปตามโรงเรียน 2.การศึกษานอกระบบ มีความยืดหยุ่นขึ้นด้วยเนื้อหาหลักสูตรสอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการของผู้เรียนแต่ละกลุ่ม และ3.การศึกษาตามอัธยาศัย เรียนรู้ตามศักยภาพและความสนใจ ทั้งสามรูปแบบ สามารถเทียบโอนผลการเรียนที่สะสมไว้ในระหว่างการเรียนรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ รวมถึงจากการเรียนรู้นอกระบบ ตามอัธยาศัย การฝึกอาชีพ หรือจากประสบการณ์การทำงาน รวมถึงการสร้างศูนย์การเรียนรู้ สร้างโอกาส พื้นที่การเรียนรู้ที่สร้างความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนร่วมจัดการศึกษาได้อย่างเต็มที่ ออกแบบการเรียนรู้เป็นรายคน (Personalized Learning) มีความยืดหยุ่นทั้งเวลา รูปแบบ และเงื่อนไขการเข้าเรียน ไม่มีข้อจำกัดเรื่อง อายุของผู้เรียน สามารถเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยได้ มีความร่วมมือกับสถานประกอบการภาคเอกชนในพื้นที่หรือเครือข่ายที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อไปฝึกงาน เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ไม่มีกรอบของห้องเรียนหรือโรงเรียน เรียนได้ทุกที่ ทั้งที่บ้าน ชุมชน ธรรมชาติ และ แหล่งเรียนรู้อื่นๆ เช่น Mobile School
Zero Dropout เป็นอีกหนึ่งโครงการเพื่อสังคม ที่แสนสิริได้ดำเนินการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ (ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้งที่ระดับ BBB+) ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท พร้อมรับผลตอบแทนดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี รับดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดระยะเวลาถือครอง 3 ปี นับเป็นครั้งแรกในเอเชีย ที่ผู้ร่วมลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ยังมีส่วนช่วยเหลือสังคมไปพร้อมๆ กัน
พื้นที่ จ.ราชบุรี มีความเหลื่อมล้ำในการศึกษาจากภูมิศาสตร์จังหวัดติดชายแดน ที่มีสภาพทั้งแบบชุมชนและเมือง ขณะที่ยังเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ และที่สำคัญคือ แสนสิริไม่มีการพัฒนาโครงการและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในพื้นที่ดังกล่าว
จากแนวคิดการดำเนินธุรกิจของแสนสิริที่มีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือสังคม และให้ความสำคัญในเรื่องลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความเท่าเทียม รวมถึงเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือเด็กอย่างยั่งยืน จนได้รับเกียรติเป็นพันธมิตรที่ลงนามกับองค์การยูนิเซฟ ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของเด็กต่อเนื่องในตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา โดยร่วมกันผลักดันโครงการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครอง ปกป้องสิทธิ และพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กมากกว่า 17 โครงการ อาทิ แคมเปญ “IODINE PLEASE” ผลักดันการแก้ปัญหาภาวะขาดสารไอโอดีนในเด็ก ซึ่งเป็นปัญหาระดับประเทศมานานกว่า 50 ปีได้สำเร็จ, โครงการ Best Start หกปีแรกของชีวิต คือ หกปีทองของเด็ก ที่ต่อยอดสู่โครงการ “The Good Space” หรือ “พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก” ที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างของแสนสิริ รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มุ่งเน้นในด้านการพัฒนาความเป็นอยู่ สร้างความตระหนักในด้านสิทธิเด็กและเยาวชนในประเทศไทย ทั้งในด้านสุขภาพ การศึกษา และกีฬา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลืออย่างไร้พรมแดนต่อเด็กในประเทศไทยและเด็กทั่วโลก
ติดตามข่าวสารของโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ จากแสนสิริได้ทาง Facebook : Sansiri PLC,https://blog.sansiri.com/zero-dropout-main/ และ #SANSIRI #ZeroDropout #YOUAreMadeForLife
ที่มา: แสนสิริ