fai-fah Art Fest 2022 พื้นที่โชว์เคสไอเดียสร้างสรรค์ของเด็กไฟ-ฟ้า จุดประกายเยาวชนเพื่อค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเอง พร้อมส่งพลังแห่งการให้กลับคืนสู่สังคมอย่างยั่งยืน
ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี โครงการแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน มุ่งจุดประกายเยาวชนและชุมชน เพื่อเสริมสร้างสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคมไทย ได้จัดกิจกรรมนิทรรศการผลงานศิลปะและการแสดง “fai-fah Art Fest 2022” ต่อเนื่องทุกปี เพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชนจากศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ประชาอุทิศ, ถ.จันทน์, บางกอกน้อย, สมุทรปราการ และล่าสุด นนทบุรี จัดแสดงผลงานนิทรรศการและจำหน่ายสินค้าที่ผ่านการคิดค้นจากไอเดียสร้างสรรค์ เพื่อนำเสนอให้สังคมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็ก ๆ รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมของเด็กไฟ-ฟ้า อาสาสมัครทีทีบีและชุมชน และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับพนักงานทีทีบี มุ่งมั่นในการทำกิจกรรมเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตอกย้ำปรัชญา Make REAL Change
นางกาญจนา โรจวทัญญู ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการตลาดและประสบการณ์ลูกค้า ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า “fai-fah Art Fest 2022” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืนจากโครงการไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี ด้านจุดประกายเยาวชนที่ตอกย้ำปรัชญา Make REAL Change เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนให้สังคมดีขึ้นอย่างยั่งยืน เป็นกิจกรรมประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ไฟ-ฟ้า นำทักษะ Art and Life Skills ที่ผ่านแนวคิด “เด็กธรรมดาคือสิ่งที่สวยงาม” เพื่อค้นหาตนเองในสิ่งที่ชอบอย่างมีความสุข ซึ่งแต่ละคลาสเรียนจะเน้นทักษะที่เด็กสนใจและเหมาะสมกับบริบทสังคมสมัยใหม่และพื้นที่ เช่น คลาสทำอาหาร, คลาสออกแบบ, คลาสกีฬา, คลาสศิลปะ และคลาสสื่อสร้างสรรค์ออนไลน์ เป็นต้น และนำสิ่งที่ได้เรียนจากในคลาสเรียนนำมาจัดแสดงเป็นผลงานสร้างสรรค์ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้นำความรู้ความสามารถจากการเรียนวิชาต่าง ๆ มาร่วมแรงร่วมใจกันจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงานเชิงศิลปะ และฝึกทักษะในการใช้ชีวิตของเด็ก ๆ ให้ทำงานร่วมกันเป็นทีมและรู้จักวางแผน เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ ได้ค้นหาและพัฒนาศักยภาพของตัวเอง”
“สำหรับปีนี้มีคลาสพิเศษสำหรับเด็ก ไฟ-ฟ้าทุกศูนย์ฯ คือ “FUN for FIN เด็กไฟ-ฟ้า ออมได้ ใช้เป็น” เพื่อสร้างพื้นฐานความรู้ทางการเงินให้กับเด็ก ๆ ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับเด็กตั้งแต่ระดับมัธยม ผ่านรูปแบบการเรียนแบบไฮบริดที่เน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม (Activity Base) โดยกิจกรรมมุ่งเน้นเสริมทักษะความรู้ทางด้านการเงิน (Financial Literacy) ส่งเสริมพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างมีวินัย และเก็บออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับเยาวชนไทย ช่วยสร้างรากฐานการมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้ และอนาคต” นางกาญจนากล่าว
น.ส. ชาลิสา วนาประเสริฐศักดิ์ เด็กไฟ-ฟ้า นนทบุรี เล่าว่า เดิมเป็นคนติดโทรศัพท์และไม่รู้ว่าจะใช้เวลาว่างทำอะไร เมื่อเห็นศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าประกาศรับสมัครให้เด็กเข้าไปเรียนฟรี ซึ่งมีคลาสที่น่าสนใจ คือ คลาสศิลปะและคลาสครัว จึงสมัครเป็นเด็กไฟ-ฟ้า ทำให้มีเพื่อนใหม่ ๆ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ติดโทรศัพท์น้อยลง และที่สำคัญได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ มากมาย รวมถึงมีโอกาสได้ทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ เช่น การออกบูธนำผลงานเครื่องปั้นเซรามิค และจานใส่เครื่องประดับมาขาย หรือ คลาสครัวก็ได้ทำอาหารหลาย ๆ เมนูที่ไม่เคยทำ
“ที่ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิด ทำให้กล้าทำสิ่งใหม่ ๆ ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่เด็กอย่างเราก็สามารถทำได้ โดยสิ่งที่เรียนรู้จากการทำงาน คือ ความสามัคคี การตรงต่อเวลา การเข้าใจผู้อื่น รวมทั้ง การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้านำไปต่อยอด เพื่อส่งต่อให้กับสังคม โดยเฉพาะเด็กที่ขาดโอกาส ไม่มีทุนทรัพย์ และยังไม่รู้ว่าอยากทำและเป็นอะไร ไฟ-ฟ้าก็เปิดโอกาสให้เราได้ค้นพบตัวเองให้ได้เรียนรู้เรื่องทักษะการใช้ชีวิต โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และเน้นย้ำเรื่องการ “ให้” ว่าเป็นสิ่งน่าภาคภูมิใจกว่าการเป็นผู้รับอยู่เสมอ จึงอยากให้เด็ก ๆ เข้ามาลองใช้เวลาและมาเรียนรู้ด้วยกัน”
น.ส. ฌามากาณต์ ทิพยพัฒน์ เด็กไฟ-ฟ้า ประชาอุทิศ รู้จักศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าจากเพื่อนที่สมัครเข้าเรียนเล่าให้ฟัง จึงสมัครเรียนวาดเส้นและสีน้ำ เพื่อเพิ่มทักษะความสามารถด้านศิลปะที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น และพบว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จึงสมัครคลาสทำอาหารด้วย ซึ่งตอนนี้เจาะจงเรียนทำของหวานควบคู่ไปกับการเรียนที่มหาวิทยาลัยด้านบริหารธุรกิจ เพราะอยากเป็นเชฟเบเกอรี่ รวมทั้งลองเปิดร้านเลมอนเยลโลร่วมกับน้อง ๆ ในคลาสด้วย
“สิ่งที่ได้จากการเป็นเด็กไฟ-ฟ้ามีหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องวุฒิภาวะ ความเป็นผู้นำ ประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ ซึ่งปกติเราไม่ค่อยกล้าคุยกับคนอื่น พอมาเรียนที่ศูนย์ฯ ก็เปลี่ยนไป เพราะต้องทำงานเป็นกลุ่ม ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ทำให้คุยเก่งขึ้น และยังค้นพบตัวเองด้วยว่าอยากเปิดร้านเบเกอรี่ เพื่อเป็นอาชีพสร้างรายได้ โดยตอนนี้มีพื้นฐานการออกแบบศิลปะ คำนวณต้นทุน การบริหารจัดการ สามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติมสร้างจุดแข็ง นอกจากนี้ ยังทำให้มีพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิตเรื่องการเป็นผู้รับและผู้ให้ อย่างในงานนี้เรานำภาพวาดและสินค้ามาขาย เพื่อนำเงินไปบริจาคเข้ามูลนิธิส่งต่อให้กับคนอื่นต่อไป นอกเหนือจากที่ได้เรียนรู้เรื่องการทำงานจริง ได้ประสบการณ์ที่ไม่มีในห้องเรียน”
ปิดท้ายที่ นายณัฐภัทร อาจดำภา เด็กไฟ-ฟ้า บางกอกน้อย บอกว่า “มีความฝันอยากเป็นนักร้องอิสระ ทำเพลง แต่งเพลงเอง และอยากเป็นยูทูบเบอร์ เมื่อทราบว่าศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า มีคลาสท่องเที่ยวและร้องเพลงให้เรียนฟรีจึงสนใจ เมื่อเข้ามาเรียนพบว่าตรงกับความต้องการจริง ๆ และยังได้พัฒนาตัวเองในด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคม วิธีคิดในการใช้ชีวิต และกล้าแสดงออกมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีความมั่นใจเลย ชอบเก็บคำวิจารณ์ของคนอื่นมาเป็นข้อจำกัดในการพัฒนาตัวเอง ตอนนี้ได้เรียนรู้แล้วว่าถ้ามีความมุ่งมั่นและลงมือทำทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้”
“การเข้ามาเป็นเด็กไฟ-ฟ้า ทำให้เราได้ลงมือปฏิบัติจริง ตัวอย่างกิจกรรม “fai-fah Art Fest 2022″ ได้รับมอบหมายดูแลซุ้มอาสาให้พี่ ๆ มาร่วมทำสมุดทำมือ เพื่อมอบให้โรงเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน เป็นการนำความรู้ที่มีมาส่งต่อให้กับเด็ก ๆ ที่ขาดโอกาส และเป้าหมายของผมคืออยากเป็นครูอาสาบนดอยด้วย ส่วนวิชาร้องเพลงก็สามารถนำมาทำคอนเทนต์ร้องเพลงเพื่อหาเงินสมทบทุนให้กับน้อง ๆ ตอนนี้ก็มีวงดนตรีเป็นของตัวเองด้วย”
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืนโดยทีทีบี ได้ที่ www.ttbfoundation.org
ที่มา: ชมฉวีวรรณ