สกสว. พร้อมประสาน ม.บูรพา ยกระดับการวิจัยด้าน “การแพทย์จีโนมิกส์” และ “การพัฒนากำลังคนด้านหุ่นยนต์”
สกสว. เยี่ยมชมผลการดำเนินงาน ม.บูรพา พร้อมประสานความร่วมมือในการยกระดับการวิจัยด้าน “การแพทย์จีโนมิกส์” และ “การพัฒนากำลังคนด้านหุ่นยนต์” สู่การนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดย ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ และ ศ.ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ พร้อมด้วย รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. และคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ สกสว. เยี่ยมชมผลดำเนินงานศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์ คณะเภสัชศาสตร์ และ EEC Automation Park คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี โดยมี ภญ.ดร.ณัฏฐิณี ธีรกุลกิตติพงศ์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ และ ดร.ไพบูลย์ ลิ้มปิติพานิชย์ ผู้อำนวยการ EEC Automation Park พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวถึงวัตถุประสงค์การเยี่ยมชมผลดำเนินงาน ว่า ปัจจุบัน สกสว. ได้จัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานทั้งในและนอกระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) กว่า 170 หน่วยงาน และ 9 หน่วยบริหารจัดการทุน (PMU) เพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund : FF) และงานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Fund) ซึ่งมหาวิทยาลัยบูรพา เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ สกสว. จัดสรรงบประมาณด้าน ววน.ให้ เพื่อดำเนินการแผนงานสำคัญ โดยเฉพาะแผนงานวิจัยจีโนมิกส์ แผนงานวิจัยสำคัญ เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันและวางรากฐานเศรษฐกิจ และแผนงานการพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยีของบุคลากรภาคอุตสาหกรรม (Brain Power Skill Up) เพื่อเสริมสร้างทักษะยกระดับเทคโนโลยีการผลิตในประเทศไทยก้าวสู่ Industry 4.0 ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์เครือข่ายการพัฒนาบุคลากรเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC NETs) ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ EEC รองรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ได้อย่างดียิ่ง
ด้าน ภญ.ดร.ณัฏฐิณี ธีรกุลกิตติพงศ์ กล่าวว่า เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ ด้านการแพทย์จีโนมิกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้เกิด “ศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์” ในพื้นที่ EEC รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษการแพทย์และสุขภาพครบวงจร โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การจัดเก็บฐานข้อมูลดีเอ็นเอคนไทย จำนวน 50,000 คน เพื่อถอดรหัสพันธุกรรมตัวอย่างจากอาสาสมัครชาวไทย เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ วินิจฉัย สาเหตุของโรคต่างๆได้อย่างแม่นยำ อาทิ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกปี โรคพันธุกรรม ตลอดจน โรคที่วินิจฉัยยาก และกลุ่มเภสัชพันธุศาสตร์เพื่อป้องกันการแพ้ยา ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมและทำให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงของการดำเนินงานในระยะที่ 2 เพื่อขยายฐานข้อมูลการรักษาไปสู่กลุ่มอื่นๆเพิ่มเติม
ขณะที่ ดร.ไพบูลย์ ลิ้มปิติพานิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบัน EEC Automation Park เป็นศูนย์การเรียนรู้และพัฒนากำลังคนด้านออโตเมชันและหุ่นยนต์ ในทุกมิติ ทั้งในส่วนของ LEARNING CENTER ซึ่งเป็นต้นแบบไลน์การผลิตเพื่อก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด e-F@ctory หรือ โซลูชันที่ผสานรวมระบบการผลิต และ IT เข้าด้วยกัน โดยมุ่งเน้นการเชื่อมต่อของข้อมูลแบบ Real-time ในทุกระดับ ที่จะนำสู่การพัฒนาประสิทธิภาพตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึง Supply Chain ตลอดจนการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการ ที่สนับสนุนการพัฒนาโรงงานให้เป็น Smart Factory เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อีกทั้งเป็นหน่วยบ่มเพาะทักษะและความรู้ด้านการขึ้นรูปชิ้นงานต้นแบบรวมไปถึงความรู้ด้านระบบสมองกลฝังตัว (Embedded System) เพื่อพัฒนานักเรียน นิสิต และบุคคลที่สนใจในการสร้างสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม เพื่อการต่อยอดความรู้ด้านระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สู่การพัฒนาประเทศตามแนวทางอุตสาหกรรม 4.0 ในอนาคต ประกอบด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือ ให้ผู้เข้าใช้พื้นที่ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และมหาวิทยาลัย ได้ฝึกทำการทดลอง และลงมือสร้างชิ้นงานจากความคิดและจินตนาการ เกิดการเรียนรู้และความภาคภูมิใจ ที่เป็นพื้นฐานต่อการสร้างสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม
อย่างไรก็ดี จากการเยี่ยมชมผลการดำเนินงาน ทั้ง 2 แผนงาน ของมหาวิทยาลัยบูรพา ถือเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญให้กับประเทศไทย
ที่มา: ทริปเปิล เอท ไอเดียส์