เด็กหญิงวัย 13 ปี เรียนควบคณะทัศนมาตรศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.ร.
“น้องเบจิง” หรือ เด็กหญิงศรีสุภา เกศวพิทักษ์ เด็กหญิงมหัศจรรย์ผู้เพียบพร้อมทั้งด้านกีฬาและวิชาการ ดีกรีแชมป์โลก Little Miss United World Grand Prix 2019 คนแรกของประเทศไทย และครองแชมป์ฟิกเกอร์สเก็ตระดับเอเซีย 2 ปีซ้อน คือปี 2017-2018 จาก Ice Skating Institute Asia Limited (ISIASIA) ปัจจุบันเป็นศึกษาคณะทัศนมาตรศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ จากการสอบเทียบ IGCSE จบชั้น ม.6 ภายในเวลา 1 ปี
น้องเบจิง กล่าวว่า ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง Disney on Ice และได้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับกีฬาไอซ์สเก็ตมาตั้งแต่เด็ก โดยเข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทยและระดับนานาชาติหลายรายการ กระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การแข่งขันเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทำให้มีเวลาค้นหาความชอบเพิ่มเติม ซึ่งตัวเลือกในการทำกิจกรรมระหว่างอยู่บ้านมีไม่มากนัก จึงเลือกความถนัดด้านวิชาการ เรียนพิเศษวิชาต่าง ๆ ล่วงหน้า เพื่อสอบ IGCSE หรือสอบเทียบวุฒิระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้ผ่านเร็วที่สุด
“ช่วงที่เรียนพิเศษเพื่อสอบ IGCSE มีวิชาใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเรียนในระดับประถมศึกษา เช่น วิชาชีววิทยา และวิชาเคมี คุณครูสอนให้ทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐาน ซึ่งต้องศึกษาและทำความเข้าใจด้วยตนเอง จึงตั้งใจค้นคว้าเพื่อเพิ่มความรู้ อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง เว้นวันอาทิตย์ จนกลายเป็นความชอบด้านวิชาการ สามารถสอบผ่านวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ชีววิทยา และเคมี ภายในระยะเวลา 1 ปี
เมื่อได้วุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.6 มาแล้ว ตัวเลือกด้านการศึกษาก็เพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจเรียนต่อระดับอุดมศึกษาทันที ซึ่งในขณะนั้น ม.รามฯ เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ เทอม 2/2564 จึงสมัครเข้าเป็นนักศึกษาภาคปกติ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ กระทั่งเทอม 1/2565 ม.รามฯ รับสมัครนักศึกษาใหม่ ระบบ TCAS โดยมีคณะทัศนมาตรศาสตร์ด้วย จึงสมัครรอบ 2 Quota ผ่านการสัมภาษณ์กับคณะ ได้เป็นนักศึกษาใหม่คณะทัศนมาตรศาสตร์”
น้องเบจิง จบการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชันศรีราชา แผนก MLP ได้รับเสื้อสามารถ ในพิธีประกาศเกียรติคุณบุคลากรดีเด่น 3 ปีซ้อน ด้านกีฬาและทำชื่อเสียงให้ประเทศไทย เป็นคนแรกของโรงเรียนตั้งแต่ก่อตั้งมา 75 ปี
น้องเบจิง กล่าวต่อว่า การตัดสินใจเรียนต่อ ม.รามคำแหง คือการให้โอกาสตัวเองประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น แม้จะเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็มั่นใจว่าตนเองมีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้และสามารถเรียนในระบบไปพร้อมกับรุ่นพี่ในคณะได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งตนเองจะพยายามให้มากยิ่งขึ้น ศึกษาบทเรียนล่วงหน้าให้เข้าใจเนื้อหาในห้องเรียนได้โดยเร็ว และเพื่อปรับตัวให้พร้อมสำหรับการศึกษาที่เฉพาะทางมากขึ้น
“การปรับตัวเพื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา เป็นอีกสิ่งที่ละเลยไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำอย่างแรก คือปรับตัวเพื่อเรียนบทเรียนที่มีตำราเป็นภาษาไทย เพราะปกติเรียนและสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ หากไม่ปรับตัวด้านนี้ก็จะเรียนช้ากว่าทุกคนในห้อง จึงได้ซื้อตำราพื้นฐานของปี 1 มาศึกษาตั้งแต่รู้ผลว่าผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นนักศึกษาคณะทัศนมาตรศาสตร์ โดยมีคุณครูสอนพิเศษให้คำแนะนำ สำหรับการเรียน การปรับตัว และทำความเข้าใจเนื้อหาที่สำคัญ
ขณะนี้อยู่ในช่วงการเรียนเทอมแรก ได้เข้าเรียนพร้อมกับนักศึกษาคนอื่นเป็นปกติ โดยคณะทัศนมาตรศาสตร์จะต้องเข้าเรียนและมีการเช็คชื่ออย่างสม่ำเสมอ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคณาจารย์และพี่ ๆ ร่วมห้องเรียน ส่วนคณะมนุษยศาสตร์ ภาคปกตินั้น ก็ยังลงทะเบียนเรียนตามหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ มีแผนว่าจะเรียนจบภายใน 3 ปี เพื่อทุ่มเทให้กับการเรียนทัศนมาตรศาสตร์ในช่วงปีหลัง ๆ ที่มีเนื้อหาเฉพาะทางที่ยากขึ้น”
ที่มา: มหาวิทยาลัยรามคำแหง