เปิดประสบการณ์ เส้นทางอาชีพบนเรือสำราญระดับโลก “Princess Cruises” กับ “เร” เรวดี ราศิริ DEK การจัดการบริการธุรกิจเรือสำราญ SPU
สวัสดีค่ะ “เร” นางสาว เรวดี ราศิริ ปัจจุบันเป็นศิษย์เก่านักศึกษาสาขาวิชาการจัดการบริการธุรกิจเรือสำราญ วิทยาลัยการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วันนี้เรจะขอแชร์ประสบการณ์และพาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆไปทำความรู้จักกับเส้นทางอาชีพบนเรือสำราญระดับโลก “Princess Cruises” ให้กับทุกคนได้ฟังกันค่ะ!!!
แรกเริ่มเดิมที เรเคยทำงานในเรือสำราญอยู่แล้ว ก่อนจะได้เข้ามาร่วมงาน ในตำแหน่ง Bar Steward บริษัท เรือสำราญ Princess Cruises ซึ่งเป็นบริษัทเรือสำราญระดับโลก แต่บริษัทเรือเก่าที่เรทำ จะเป็นบริษัทเดินเรือที่จะเดินเรืออยู่แค่ ในแถบย่านอาเซียน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เพราะ เหตุจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งโดยปกติแล้ว เรือเก่าจะไป หลายประเทศ เหมือนกัน ที่เปลี่ยนบริษัทฯ เพราะอยากไป ทำงาน ใน ฝั่ง ยุโรป และในแถบอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เป็นพนักงานของ บริษัท Princess cruises เส้นทางเดินเรือก็จะมากกว่า 380 เส้นทางเดินเรือ หรือ 7 ทวีป เช่น Alaska Australia New zealand canada California Hawaii Caribbean Mexico Europe และ อีกหลายเส้นทางทั่วโลก และ เพื่อต้องการอัพฐานเงินเดือนให้สูงขึ้นด้วย
อีกอย่างบริษัทฯเรือเดิมเป็น reginal class cruise และที่บริษัทใหม่เป็น world class cruise ทำให้เราต้องพัฒนาทักษะใหม่ๆ และทักษะที่ต้องพัฒนา หลักๆ เลยก็คือ ภาษาอังกฤษ การ พูด ฟัง อ่าน เขียน ต้อง อัพเกรดให้ ดีกว่าเดิม ,การ บริการที่ต้องเป็น professional กว่าเดิมเพราะ เรามี คู่แข่งมากกว่าเดิม ไม่ใช่แค่เอเชียน ,การปรับตัว ในเรื่องของการ ใช้ชีวิตบนเรือและ การทำงานร่วมกับ ชาว ยุโรป ไหนจะเรื่องหัวหน้าเรา ที่จะมีความ professional มากกว่า ซึ่งแน่นนอน ทำงานบนเรือที่ใหญ่ มีความ professional เรา จะมีความกดดันที่มากขึ้น เราต้องจัดการกับความกดดัน และ ความเครียดให้ได้
สำหรับกิจวัตรของเร บนเรือสำราญ (วันทำงาน /วันหยุด) กิจกรรมยามว่าง เร เป็นคนชอบออกกำลังกายในทุกๆวัน ,ดูหนัง ฟังเพลง และ ถ้าว่างจริงๆจะอัด วิดีโอทำ Vlog ซึ่ง เร มี ชาเนลของตัวเอง ซึ่งจะเปิดตัว เร็วๆนี้ ช่วงบินไป ทัวร์ยุโรปค่ะ
และตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ทำให้เกิดผลกระทบกับธุรกิจเรือสำราญ ค่อนข้างมากทีเดียว ยกตัวอย่าง เช่น เรือ หลายลำต้องปิดตัวลงเพราะทนพิษ เศรษฐกิจจาก โควิดไม่ไหว แต่อย่างเรือเก่าที่เร เคยทำงานเขาจะมีมาตรการการป้องกันอย่างเช่น พนักงานทุกคนต้องล้างมือ ขั้นต่ำ 20 วินาทีและถูกต้องตามขั้นตอน ,การสวมถุงมือ ทุกครั้งที่ทำงาน และเปลี่ยนตลอด ทุก กี่ ชม ตาม ที่ บริษัทกำหนด การสวม ผ้าปิดจมูก การทำความสะอาดด้วย แอลกอฮอล์ sanitize สำหรับส่วนของ ลูกค้าก็ เช่นกัน มีการตรวจ เรื่อง วัคซีนการ สวมใส่หน้ากากและการล้างมือก่อนเข้า ห้องอาหาร รวมถึงการ จำกัดจำนวนเก้าอี้และเส้นระยะห่าง
และสำหรับการปรับตัวของเร ในช่วงสถานการณ์โควิด กรณีที่ บริษัทหยุดการเดินเรือ เร สามารถ นำประสบการณ์ certification ที่ผ่านมา ไป apply กับ บริษัทอื่นๆที่เปิดรับ พนักงานอยู่ได้ ซึ่งแน่นอน มีหลายบริษัท หลายเส้นทางการเดินเรือหรือ หลายๆทวีป เราอาจจะได้ ตำแหน่งที่ดีกว่าและเงินเดือนที่สูงกว่า ยกตัวอย่าง บริษัทเก่าของเรย์ เจอผลกระทบจากโควิด จึงหยุดการเดินเรือ เรย์ ก็ดำเนินการสมัครเรือใหม่ จนสัมภาษณ์ผ่านเป็นลูกเรือของ Princess Cruise ได้ตำแหน่งที่ดีกว่าและเงินสูงที่สูงกว่า อีกทั้งเส้นทางเดินเรือใหม่ๆ และในกรณีที่ บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว ในช่วงสถานการณ์โควิด ทางบริษัทจะมี มาตรการ รักษาความปลอดภัยเรื่องของ โควิด มีการอบรมให้พนักงานเรื่องการรับมือ และป้องกันตัวเองจากโรค อีกทั้ง ในส่วนของ ลูกค้าเองก็มีมาตรการที่เข้มงวดก่อนที่จะมาใช้บริการบนเรือ เพื่อความปลอดภัยของ พนักงานทุกคน
และสำหรับทิศทางของ ธุรกิจเรือสำราญ ในช่วงนี้ เรคิดว่าธุรกิจด้านเรือสำราญกำลังเติบโตมากค่ะ ถึงแม้จะมีผลกระทบจาก สถานการณ์โควิดบ้างแต่ มาตรการจัดการและรับมือ ของบริษัทเรือ นั้นเข้มงวดและ มีมาตรฐานมาก ซึ่งลูกค้าและพนักงานวางใจได้เลยเพราะได้รับความปลอดภัยอย่างแน่นอน อีกอย่างตอนนี้ หลายบริษัทเหลือเปิดรับสมัครพนักงานมากขึ้นในไทย เพื่อที่จะไปสัมผัสประสบการณ์การ ทำงานต่างประเทศและ เที่ยวรอบโลก เพราะคนไทยเราจะมีการบริการที่เป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจ เป็นที่หมายตาของหลายๆบริษัท รายได้แต่ละเดือนบอกเลยว่าหาในไทยไม่ได้ ถ้า กรณีเด็กจบใหม่ ขั้นต่ำเลย ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นต่อเดือน กลับมาไทย มีเงินเก็บ หลักแสน แน่นอน
อีกอย่างเรอยากจะบอกว่า การได้ทำงานบนเรือสำราญ เสน่ห์ของอาชีพบนเรือสำราญ สิ่งที่ได้มากกว่าค่าตอบแทน คือ การที่เราได้เที่ยวรอบโลก ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่หาไม่ได้ ถ้า อยู่ในไทย ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตคนเดียวห่าง ไกล ครอบครัว เกือบปี การทำงานทุกวัน วันละ 10 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด จนจบแทรกก็เปน อีกหนึ่งสิ่งที่หาไม่ได้ ถ้าทำงานบนพื้นดิน เป็นการฝึกความอดทนของเรานะ ถ้าเรา กลับมาเจออะไร ที่กดดัน หรือเหนื่อยๆที่ไทย บอกเลย มันจะเป็นเรื่องเล็กๆมาก
สุดท้ายอยากฝากถึงพี่ๆน้องๆ “มากกว่าเงินคือประสบการณ์ มากกว่างานคือกำไรชีวิต” เรเองเป็นเด็กยากจนจาก ต่างจังหวัดตัดสินใจมาศึกษาต่อ ที่ กทม. คนเดียว โดยที่ไม่มีใครซัพพอร์ตเลย ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย มันยากมากเลยกว่าจะผ่านมาได้ แต่เรมีแรงผลักดันอันนึง ซึ่งเป็นกำลังขับเคลื่อนให้เรไม่ท้อ และเดินตามความฝัน คือ เรอยากใช้ชีวิต ทำงานอยู่ต่างประเทศ ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลทำไมเรถึงเรียน สาขาการจัดการการบริการธุรกิจเรือสำราญ ตอนนี้ความฝันของเรเป็นจริงแล้ว เรได้ทำในสิ่งที่ฝัน ซึ่งบอกเลยว่า ทุกคนทำได้ขอแค่มีความพยายาม อย่าท้อ อย่ากลัวที่จะใช้ภาษาอังกฤษ ถ้าวันนั้นเรกลัว เรก็คงไม่ผ่านสัมภาษณ์ ทั้งๆที่ตอนนั้นเป็นแค่ นักศึกษาปฎิบัติงานสหกิจศึกษา ตอนปี4 แต่เรก็สัมภาษณ์ผ่านจนได้ทำงานบนเรือสำราญ จนถึงปัจจุบันนี้
ที่มา: มหาวิทยาลัยศรีปทุม