ส่องความท้าทายใหม่ของภาคการศึกษา – ภาคธุรกิจ กับการพัฒนาทักษะประชากร วัยแรงงาน หลัง WEF รายงาน “ทักษะดิจิทัล” คือทักษะที่นายจ้างต้องการที่สุดในยุคนี้
ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่จากโควิด-19 ที่ได้เข้ามาสร้างความเสียหายและผลกระทบในทุกๆ ด้าน และยังเป็นตัวเร่งสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับสถานการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้พฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป องค์กรต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ตลาดแรงงานเผชิญกับการรุกคืบของเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น อีกทั้งยังถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ประชากรวัยแรงงานจำเป็นต้องพัฒนาทักษะให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะความรู้และทักษะในรูปแบบเดิมนั้นไม่เพียงพอต่อโลกของการทำงานอีกต่อไปแล้ว
ข้อมูลของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) พบว่า ทักษะที่นายจ้างต้องการมากที่สุดในปัจจุบัน คือ “ทักษะทางด้านเทคนิคดิจิทัล” และยังพบว่าแรงงานไทยที่มีความรู้ด้านทักษะ
มีเพียงร้อยละ 54.9 สะท้อนให้เห็นว่ายังมีแรงงานอีกจำนวนมากที่ต้องได้รับการพัฒนาทักษะดิจิทัลและทักษะด้านอื่นๆ เพื่อต่อยอดโอกาสในการประกอบอาชีพ จึงเป็นความท้าทายของสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะสถาบันอุดมศึกษาที่ต้องปรับบทบาทในการผลิตและพัฒนากำลังคน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน
นอกเหนือจากประเด็นการปรับตัวของสถาบันการศึกษาแล้ว รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ได้วิเคราะห์อุปสรรคและความท้าทายที่พบในช่วงโควิด-19 รวมถึงเทรนด์ที่ทั้งสถาบันการศึกษาและผู้ประกอบการควรให้ความสนใจ เพื่อใช้กำหนดแนวทางพัฒนาผู้เรียนและบุคลากรของตนให้มีความพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต
– เรียนออนไลน์ กับข้อจำกัดที่ทุกฝ่ายต้องเผชิญ
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากโควิด-19 คือการเปลี่ยนจากการเรียนการสอนในห้องเรียนสู่การเรียนรูปแบบออนไลน์ แม้เทคโนโลยีในปัจจุบันจะช่วยอำนวยให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ยังคงมีข้อจำกัดอีกมากมายที่ทุกคนต้องพบเจอ ได้แก่ 1.Hardware ความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์ ไปจนถึงระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งของผู้สอนและผู้เรียน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอุปกรณ์หรือความพร้อม 2.Software ระบบที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างอุปกรณ์ทางการศึกษาและสื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการเรียนออนไลน์ เป็น Passive Learning ที่ผู้เรียนและผู้สอนมีการโต้ตอบกันน้อย แตกต่างจากการสอนในห้องเรียนที่เป็นแบบ Active Learning และ 3.Humanware ซึ่งอาจเกิดขึ้นในหลายระดับ ตั้งแต่สถานศึกษาที่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ สนับสนุนการพัฒนาความรู้ทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับครูผู้สอน และสำหรับครูผู้สอนเองก็ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบการเรียนการสอนด้วยเทคนิคต่างๆ ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้เรียน เนื่องจากบรรยากาศการเรียนออนไลน์และการเรียนแบบเห็นหน้าในห้องเรียนนั้นมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
– เทรนด์ Hard Skills – Soft Skills ที่ต้องมี ในศตวรรษที่ 21
เมื่อความรู้วิชาการจากในตำราไม่เพียงพออีกต่อไป สถาบันการศึกษาต้องปรับแนวทางการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ด้วยการให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างทักษะให้ผู้เรียน ทั้งด้าน Hard Skills โดยเฉพาะทักษะดิจิทัล ความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีไปจนถึงการทำงานร่วมกับ AI และด้าน Soft Skills ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสาร การสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การเสริมสร้างความมุ่งมัน แรงบันดาลใจ และวิสัยทัศน์ให้กับผู้เรียน เสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงทักษะความเป็นผู้นำ หากสถาบันการศึกษาสามารถเตรียมความพร้อมในทักษะด้านต่างๆ ให้กับผู้เรียนได้อย่างครบถ้วนก่อนเข้าสู่โลกการทำงาน ก็จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เรียนได้มองเห็นอนาคต เห็นคุณค่า และคุณประโยชน์ของการศึกษามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังต้องสนับสนุนให้ผู้เรียนมองเห็นความสำคัญของประเด็นสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น พัฒนาการด้านการเงิน พัฒนาการทางการแพทย์ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
– รักษาคนทำงาน ด้วยแนวคิดบริหารยุคใหม่
ในแต่ละองค์กรหรือบริษัทย่อมมีคนจากหลาย Gen ที่เข้ามาทำงานร่วมกัน การที่จะบริหารให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข จำเป็นต้องเข้าใจคนแต่ละ Gen ด้วย
สำหรับการบริหารกลุ่มคน Gen Y และ Gen Z ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในตลาดแรงงานในขณะนี้ ผู้บริหารจำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงนิสัยและความต้องการของกลุ่มคนเหล่านี้ก่อน ว่าโดยส่วนใหญ่มักมีความเป็นอิสระและยืดหยุ่นสูง จึงต้องให้ความเคารพในความคิดเห็นและสิทธิต่างๆ ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญแม้จะเป็นพนักงานใหม่ เปิดโอกาสให้เติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน ให้ผลตอบแทนที่สร้างคุณค่าต่อการทำงาน ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ได้ เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักมีความอยากรู้อยากเห็นและใฝ่เรียนรู้ตลอดเวลา และต้องให้ความสำคัญกับ Work Life Balance และการสร้างพื้นที่เพื่อการผ่อนคลายจากการทำงาน
การสนับสนุนประชากรวัยแรงงานให้มีทักษะรองรับความเปลี่ยนแปลงของโลก ถือเป็นหนึ่งในภารกิจของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ภายใต้กิจกรรมบิ๊กร็อกที่ 1 โดยมีตัวอย่างความสำเร็จคือ โครงการ “วิจัยสำรวจทักษะและความพร้อมของกลุ่มประชากรวัยแรงงานของประเทศไทย” พัฒนาเครื่องมือการประเมินศักยภาพของประชากรกลุ่มวัยแรงงาน ภายใต้ความร่วมมือของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ธนาคารโลก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปัจจุบันเตรียมนำผลจากความร่วมมือต่อยอดสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ทั้งด้านการวางแผนหลักสูตร การผลิตนักศึกษาของภาคการศึกษา และกำหนดแนวทางพัฒนาทักษะแรงงานกลุ่มต่างๆ ของภาคธุรกิจเอกชน อย่างไรก็ตาม คาดว่าประเทศไทยจะมีกลไกอื่นๆ ที่จะช่วยสร้างเสริมผลิตผลทางการศึกษาที่เป็นกำลังสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้
ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรม ของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ได้ใน 4 ช่องทาง ดังนี้ เว็บไซต์ https://www.thaiedreform2022.org เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://web.facebook.com/Thaiedreform2022 ยูทูบช่อง ‘thaiedreform2022’ และทวิตเตอร์ https://twitter.com/Thaiedreform22
ที่มา: เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์