มหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าร่วมพิธีลงนามฯ ส่งเสริมและพัฒนา Wellness Hub ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)
รองศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นตัวแทนเข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การพัฒนาและส่งเสริม Wellness Hub ประเทศไทย ระยะที่ 2 ระหว่าง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 17 องค์กร ประกอบไปด้วยหน่วยงาน อาทิ มหาวิทยาลัยจากภาคเหนือ-ภาคตะวันออก-ภาคอีสาน-ภาคใต้-ภาคกลาง สมาพันธ์และสมาคมเครือข่ายด้านเวลเนส เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาและส่งเสริม Wellness Hub ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยกำหนดพิธีลงนามฯจัดขึ้นในงาน Thailand International Health Expo 2022 ณ รอยัลพารากอนฮอล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
ซึ่งบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ มีขึ้นโดยมีกรอบและแนวทางความร่วมมือ เพื่อบูรณาการภารกิจและประสานความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลเพื่อการพัฒนาประเทศ สนับสนุนการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสประเทศไทย (Thailand Wellness Economic Corridor) และเขตนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพ ด้านการวิจัย การพัฒนานวัตกรรม การผลิตภัณฑ์และบริการส่งเสริมสุขภาพ การพัฒนาฐานนวัตกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Innovation Backbone) พัฒนาอาคารเพื่อสุขภาพ ยกระดับสมรรถนะของบุคลากรให้มีความพร้อมรองรับอุตสาหกรรมเวลเนส สู่การเป็นศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) ของโลก และพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยกำหนดความร่วมมือต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ 17 มีนาคม 2565 ถึง 17 มีนาคม 2570
สำหรับงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 เป็นงานมหกรรมแสดงศักยภาพความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขครั้งยิ่งใหญ่ของไทย จัดขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้เห็นถึงความพร้อม ความสามารถ และความก้าวหน้าทางการแพทย์และการสาธารณสุขของ ประเทศไทย รวมถึงยังเป็นการจัดงานฯ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของโลก (Medical and Wellness Hub) พร้อมทั้งยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้แก่สมุนไพรไทย แพทย์แผนไทย และภูมิปัญญาในการดูแลรักษาสุขภาพแบบไทย ทั้งยังสนับสนุนความร่วมมือและเชื่อมโยงผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ของไทยกับผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพทั่วโลกอีกด้วย
ที่มา: มหาวิทยาลัยขอนแก่น