มช. จับมือหอการค้าเชียงใหม่ เปิดโมเดล Education Sandbox เรียนและทำงานควบคู่กันไปจบได้ใน 3 ปี
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ หอการค้าเชียงใหม่ สร้างหลักสูตรบูรณาการอุตสาหกรรมดิจิทัล พลัส หรือ “Digital Industry Integration Plus” (DII+) 2 ด้านคือ E-Commerce Trader และ Digital Business and Marketing ในรูปแบบ Education Sandbox หรือ พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ตามนโยบายของประเทศ เพื่อสร้างการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ เป็นการออกแบบหลักสูตรร่วมกับผู้ประกอบการ ทั้งด้านการเรียนและด้านการทำงานควบคู่กันไป ผู้เรียนสามารถจบหลักสูตรภายใน 3 ปีได้ โดยใช้โมเดลจากเยอรมัน และฝรั่งเศส เป็นต้นแบบ
หลักสูตร บูรณาการอุตสาหกรรมดิจิทัล พลัส หรือ “Digital Industry Integration Plus” (DII+) เป็นการลงนามความร่วมมือระหว่าง วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.วรวิชญ์ จันทร์ฉาย คณบดี และ นาย จุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างกำลังคนดิจิทัลป้อนผู้ประกอบการ SME ตามความต้องการของตลาด โดยจะรับนักศึกษาเข้าปฎิบัติงาน ร่วมกับผู้ประกอบการ จำนวน 22 เดือน เพื่อตอบโจทย์การศึกษาในรูปแบบ Education Sandbox ต้นแบบของประเทศ โดยชูจุดเด่นหลักสูตรผู้ประกอบการ ผู้ร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี 250 เปอร์เซ็นต์ และพัฒนาบุคลากรของบริษัทเป็นเวลา 3 ปี นักศึกษาจะได้รับค่าตอบแทน 7 หมื่นบาท ตลอดระยะเวลาที่ศึกษา โดยจะเปิดรับนักเรียนที่กำลังศึกษาและจบมัธยมชั้นปีที่ 6 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ผ่านช่องทาง TCAS รอบ 1 จำนวน 60 คน โดยแบ่งหลักสูตรเป็นทฤษฎีเชิงกว้าง 25 % ทฤษฎีเชิงลึก 50 % และฝึกปฏิบัติ อีก 25 % หลังผ่านการคัดเลือก ต้องทำสัญญา 3 ฝ่าย คือ ผู้ประกอบการ นักศึกษาและผู้ปกครอง เพื่อฝึกปฏิบัติในสถานประกอบการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภราดร สุรีพงษ์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์ปฎิรูปดิจิทัล วิทยาลัยศิลปะสื่อและเทคโนโลยีฯ กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการระบาดใหญ่ ทำให้เกิดทั้งวิกฤตและโอกาสสำหรับประเทศไทย จำเป็นที่จะต้องเร่งสร้างเครื่องมือใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเฉพาะทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปฏิรูปธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตได้ในปัจจุบัน ซึ่งทางวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี และหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่าการปรับตัวทั้งแรงงานและธุรกิจโดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ จะสอนให้ผู้เรียนและธุรกิจ “อยู่ให้รอด” ในสถานณการณ์เช่นนี้ “อยู่ให้เป็น” ในสถานการณ์ Post-COVID และ “อยู่ให้ได้” ในเศรษฐกิจแห่งอนาคต
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมการศึกษา เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกด้านอย่างรวดเร็ว ควบคู่กับพัฒนาการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการจัดการศึกษา พร้อมตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้เรียน โดยมุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์กับนักศึกษามากที่สุด อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ เป็นพลเมืองแห่งโลกอนาคตโดยสมบูรณ์แบบ
ที่มา: พิตอน คอมมิวนิเคชั่น