ม.มหิดล พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์สู่มาตรฐานโลก
วิกฤติ COVID-19 ทำให้เกิดการเรียนรู้ในการปรับตัวต่อวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบการเรียนการสอนที่สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ต้องปรับรูปแบบสู่ระบบออนไลน์ ซึ่งได้เปลี่ยนวิกฤติสู่โอกาสของการศึกษาไร้พรมแดนที่ทุกคนสามารถจะเรียนได้เท่าที่ต้องการ โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่
รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรเนติ สุขสมบูรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากวิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหิดลได้ปรับการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 เป็นระบบออนไลน์ 100% จนภาคการศึกษานี้ได้มาปรับสู่รูปแบบผสมผสาน หรือ hybrid ที่เปิดให้นักศึกษาได้เลือกเรียนทั้งในชั้นเรียน และระบบออนไลน์ ซึ่งจากการประเมินการเรียนการสอนวิชา มมศท 100 การศึกษาทั่วไปเพื่อการศึกษามนุษย์ ซึ่งเปิดให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยมหิดลได้เรียนแบบผสมผสาน จากทั้งหมดจำนวนกว่า 3,000 ราย มีนักศึกษาสนใจเข้าเรียนในชั้นเรียนจำนวนประมาณ 900 ราย โดยใช้การเช็คชื่อผ่านแอปพลิเคชัน We Mahidol เพื่อการตรวจสอบพื้นที่ปลอดภัย ลดเสี่ยง COVID-19
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลยังได้จัดให้มีสถานที่พร้อมอุปกรณ์สำหรับนักศึกษาที่เลือกเรียนออนไลน์ไว้อย่างครบครันในทุกวิทยาเขต โดยที่พื้นที่ศาลายา นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลสามารถเรียนออนไลน์ได้จากที่บ้าน หอพักนักศึกษา หอสมุดและคลังความรู้ฯ ห้องบรรยาย 1 – 2 คณะวิทยาศาสตร์ อาคารสิริวิทยา และที่ห้อง Mini Theater (MU Cyber Club) ซึ่งให้บริการโดย กองเทคโนโลยีสารสนเทศ (MUIT) ณ บริเวณ ชั้น 2 อาคารศูนย์การเรียนรู้มหาวิทยาลัยมหิดล (MLC) และกำลังจะมีการปรับพื้นที่บริเวณชั้นลอยของอาคาร MLC เพื่อเป็นสถานที่รองรับการเรียนออนไลน์ หรือการศึกษาด้วยตัวเอง ตามโครงการ Mahidol Digital Convergence University (Mahidol DCU) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) อีกด้วย
เพื่อสนองนโยบายการผลักดันมหาวิทยาลัยสู่ 1 ใน 100 มหาวิทยาลัยอันดับโลก การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ของมหาวิทยาลัยมหิดลจึงเป็นไปตามแนวทางของมาตรฐานในระดับโลก โดยที่ผ่านมาได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาระบบการเรียนการสอนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ในลักษณะของการ “Train the Trainer” อาทิ มหาวิทยาลัยแมคควอรี่ (Macquarie University) ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนทั้งด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีคณาจารย์ที่ผ่านการอบรมแล้วจำนวน 3 รุ่น และจะมีการจัดอบรมอีกในปีนี้อีก 3 รุ่น นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังได้ร่วมสัมมนาเครือข่าย AUN Technology Enhance Personalize Learning (AUN-TEPL) กับอีก 2 มหาวิทยาลัย ได้แก่ Singapore Management University (SMU) ประเทศสิงคโปร์ และ University of Malaya (UM) ประเทศมาเลเซีย อีกด้วย รวมทั้งจะมีการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาออนไลน์ เข้าสู่ระบบการรับรองมาตรฐานสากล เพื่อเป็นต้นแบบทางการศึกษาออนไลน์ในระดับอุดมศึกษาของประเทศไทยต่อไป
และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน มหาวิทยาลัยมหิดล ยังได้จัดให้มี campaign เพื่อการจัดกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการเรียนการสอนออนไลน์ในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการรางวัลการสอนออนไลน์ โครงการส่งเสริมการวิจัยการเรียนการสอนออนไลน์ โครงการบันทึกวีดิทัศน์ การบรรยายในรูปแบบ Video on demand หัวข้อ Digital Teaching Tools สำหรับอาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล และโครงการอบรมการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาบทเรียนออนไลน์แบบ MOOC & SPOC สำหรับคณาจารย์และบุคลากรมหาวิทยาลัยมหิดล อีกด้วย
“วิกฤติ COVID-19 ทำให้มหาวิทยาลัยมหิดลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบการศึกษาออนไลน์ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป จากที่ก่อนเกิดวิกฤติดังกล่าว มหาวิทยาลัยมหิดลจัดการศึกษาเฉพาะในระบบปิด ซึ่งทำให้นักเรียนที่สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายได้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยมหิดลเพียงในจำนวนหลักพัน ในขณะที่ทั่วประเทศมีนักเรียนที่สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมีถึงหลักแสน แต่ต่อไปมหาวิทยาลัยมหิดลจะเปิดรายวิชาพื้นฐานให้ทุกคนได้เรียนออนไลน์เพื่อเป็น Credit Unit Bank ที่สามารถใช้เทียบโอนได้ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้การเข้าถึงทางการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดลมีเพิ่มมากขึ้น” รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรเนติ สุขสมบูรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข่าวที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th
ที่มา: มหาวิทยาลัยมหิดล